วันอาทิตย์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2566

รักนี้ต้องเจียระไน ช่องวัน31 ทุกวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.30 น.

ละครรักนี้ต้องเจียระไน ช่องวัน31 ทุกวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.30 น. เริ่มตอนแรก วันพุธที่ 19 เมษายนนี้ นำแสดงโดย ฟิล์ม ธนภัทร กาวิละ โคจรกลับเจอกับ นางเอกคู่จิ้นฝีมือเฉียบ ใบเฟิร์น อัญชสา มงคลสมัย อีกครั้ง

เรื่องย่อ รักนี้ต้องเจียระไน

รัตติ (ฟิล์ม) ดีไซเนอร์จิวเวอรี่ชื่อดัง ที่ชื่นชอบการแข่งรถเป็นชีวิตจิตใจ ซึ่งบังเอิญได้มาเจอกับ ชมจันทร์ (ใบเฟิร์น) สาวแสบ 18 มงกุฎ ที่มาหลอกขายเครื่องประดับปลอมให้กับลูกค้ารายใหญ่ โดยแอบอ้างว่าเป็นผลงานการออกแบบของรัตติ แต่ชมจันทร์หารู้ไม่ว่า ภัยร้ายกำลังจะมาถึงตัว แถมโชคชะตายังเล่นตลกไม่หยุดหย่อน พัดพาให้ทั้งคู่ มีเรื่องให้ต้องมาร่วมหัวจมท้ายด้วยความจำยอม เรื่องวุ่นๆ สุดโกลาหลจึงตามมา

เมื่อชายผู้เกลียดการโกหกเป็นชีวิตจิตใจ ต้องมาเจอกับ สาวผู้มีการโกหกเป็นอาชีพ เรื่องวุ่นๆ ที่ชวนหัวจะปวดจึงเกิดขึ้น ติดตามชมเรื่องราวสุดอลเวงนี้ได้ ในละคร “รักนี้ต้องเจียระไน



หมอหลวง ช่อง 3HD ออกอากาศทุกคืนวันจันทร์-อังคาร เวลา 20.30 น.

ละครหมอหลวง ช่อง 3HD ออกอากาศทุกคืนวันจันทร์-อังคาร เวลา 20.30 น. เริ่มออกอากาศตอนแรกวันอังคารที่ 21 มีนาคมนี้นำแสดงโดย “มาริโอ้ เมาเร่อ” กับสาว “คิมเบอร์ลี่ แอน โวลเทมัส” มาประกบคู่กันอีกครั้ง หลังจากที่ทั้งคู่เคยสร้างความปังดังเปรี้ยงปร้างทั้งในประเทศและต่างประเทศกับผลงานละคร “ทองเอก หมอยา ท่าโฉลง” มาแล้ว

เรื่องย่อ หมอหลวง

วงล้อกาลเวลาหมุนวน พัดพา "ปาฏิหาริย์" นำพา 2 ชีวิต นักเรียนหมอต่างขั้วจาก 2 ยุค ให้ได้มาร่วมสุขร่วมทุกข์... สมัย ร.3 ยุคแพทย์แผนไทยเฟื่องฟู บ้านเมืองแข็งแกร่งแม้จะมีสงคราม หรือการปราบปรามโจรตั้วเหี่ยอยู่บ้าง (อั้งยี่) เมื่อ "บัว" นักศึกษาแพทย์จากยุค5G โดนพายุหอบทะลุมิติข้ามภพมาพบกับนักเรียนหมอในอดีต อย่าง "ทองอ้น" ลูกชายไม่เอาถ่าน แกะดำของตระกูลหมอหลวง ท่ามกลางสถานการณ์ความอลหม่านในโรงเรียนแพทย์ ความเป็นความตาย ความรัก สงครามโรค โดยมียาไทย และการรักษาแพทย์แผนไทย เชื่อมทั้งคู่ไว้ด้วยกัน



วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

เรื่องย่อละคร เมียแต่ง ช่อง 3HD เริ่มตอนแรก 2 มิถุนายน 2563 นี้


บทประพันธ์ นันทนา วีระชน
บทโทรทัศน์ สร้อยโสทร
ผลิตโดย บริษัท เมกเกอร์เจ กรุ๊ป จำกัด
กำกับการแสดง เมธี พงศ์เจริญ
ผู้อำนวยการสร้าง จริยา แอนโฟเน่,มยุรฉัตร เหมือนประสิทธิเวช


เรื่องย่อ เมียแต่ง ช่อง 3HD (ละครดังข้ามเวลา)

คงไคย (อัชชา นามปาน) หนุ่มสังคมที่ใช้ชีวิตเสเพลมาตลอดต้องช็อคสุดขีดเมื่อ คุณหญิงภวัน (ดวงตา ตุงคะมณี) ประธานกรรมการบริหารพีวีเรียลเอสเตท ผู้เป็นแม่บังคับให้แต่งงานกับ อรุณประไพ (อารยา เอ ฮาร์เก็ต) ลูกสาวของอดีตนายอำเภออรุณกับ นางประไพ (เพ็ญพักตร์ ศิริกุล) ที่เคยช่วยเหลือคุณหญิงไว้เมื่อครั้งที่พ่อของคงไคยฆ่าตัวตายเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว คงไคยรับไม่ได้เพราะปักใจเชื่อว่าตนเองนั้นรัก ปรุงฉัตร (พรชิตา ณ สงขลา) นางแบบสาวสุดฮอทลูกสาวคนเล็กของ คุณประกอบ (กฤตย์ อัทธเสรี) และ คุณเนื้อทิพย์ (ภัสสร บุณยเกียรติ) หุ้นส่วนในบริษัทที่มีจำนวนหุ้นมากเป็นอันดับสองรองจากคุณหญิงภวัน แต่คุณหญิงภวันรู้ดีกว่าการเข้ามาของปรุงฉัตรเป็นเพราะคุณประกอบต้องการรวบหุ้นทั้งหมดไว้ในมือเพื่อดันตัวเองขึ้นเป็นประธานบริหาร และผลักดันให้ ณรงค์ (นิธิ สมุทรโคจร) ผู้เป็นลูกชายขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งรองประธานบริหาร ทำให้คุณหญิงภวันพยายามจะขัดขวางเพราะพีวีเรียลเอสเตทคือสิ่งที่คุณหญิงภวันทุ่มเทมาชั่วชีวิตเพื่อเป็นมรดกให้แก่คงไคย

คุณหญิงภวันเป็นห่วงคงไคยที่ยังทำตัวเป็นเสือผู้หญิงที่เสเพลเละเทะไม่เป็นท่าไปวัน ๆ และยิ่งนึกถึงเวลาในชีวิตที่เหลืออยู่น้อยเต็มที เนื่องจากคุณหญิงภวันรู้ตัวว่ากำลังเป็นมะเร็งในระยะรุนแรงแต่เพราะเหตุผลทางธุรกิจคุณหญิงภวันจึงต้องปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับและเริ่มวางแผนชีวิตให้กับลูกชาย เธอต้องการให้คงไคยได้แต่งงานกับผู้หญิงที่ดีสักคนที่ไม่ใช่ผู้หญิงรักสนุกอย่างปรุงฉัตร เพื่อที่จะช่วยประคับประคองชีวิตของคงไคยให้กลายเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาได้และอรุณประไพคือคนที่คุณหญิงภวันเลือก

คงไคยไม่เชื่อว่าจะมีผู้หญิงดี ๆ ที่ไหนยอมแต่งงานกับผู้ชายที่ไม่รู้จัก จึงปักใจเชื่อว่าอรุณประไพคงเป็นผู้หญิงที่หิวเงินจึงรับข้อเสนอได้อย่างหน้าไม่อาย ยิ่งได้รู้ประวัติของอรุณประไพว่ามีพื้นเพเป็นคนต่างจังหวัดและจบทางด้านการเรือน ทำให้คงไคยรู้สึกดูถูกอรุณประไพแม้ยังไม่ได้เห็นหน้า เพราะคิดว่าอรุณประไพช่างเป็นหญิงสาวที่ไร้ศักดิ์ศรีและยอมแต่งงานเพื่อเงิน


คงไคยพยายามจะขุดคุ้ยและหาข้อเสียของอรุณประไพเพื่อมาหักล้างและล้มเลิกพิธีแต่งงานให้ได้ คงไคยสืบจนรู้ว่าอรุณประไพเพิ่งเลิกราจาก ภุชงค์ (พิษณุ นิ่มสกุล) ปลัดหนุ่มที่เธอคบหาดูใจมาหลายปี เพราะภุชงค์จำเป็นต้องไปรับผิดชอบลูกในท้องของ เบญ (วรันลักษณ์ ศิริมณีวัฒนา) ผู้หญิงที่เขาเผลอไปมีสัมพันธ์ด้วย ยิ่งทำให้คงไคยผู้คร่ำหวอดกับความสัมพันธ์ฉาบฉวยมั่นใจว่าอรุณประไพไม่ใช่ผู้หญิงรักนวลสงวนตัวแสนดีอย่างที่คุณหญิงภวันเข้าใจ

อาการเกเรของคงไคยสร้างความปวดหัวให้กับคุณหญิงภวันจน คุณทองถม (อนันต์ บุนนาค) ทนายความประจำตระกูล ต้องเข้ามาช่วยเกลี้ยกล่อมให้คิดถึงความรักของคุณหญิงภวันที่เลี้ยงดูคงไคยมาเพียงลำพังและพยายามบอกเป็นนัย ๆ ถึงอาการป่วยของคุณหญิงภวัน คงไคยแม้ไม่เข้าใจในสิ่งที่คุณทองถมพยายามบอกนักแต่ด้วยหัวใจที่รับรู้ถึงความรักของคุณหญิงภวันที่ครองตัวเป็นม่ายมาตลอดเพราะเป็นห่วงความรู้สึกของคงไคย ความจริงที่คุณหญิงภวันคิดถึงความสุขของคงไคยก่อนตนเองเสมอข้อนี้ทำให้คงไคยยอมตกลงเข้าพิธีแต่งงานกับอรุณประไพ

ยิ่งใกล้วันแต่งอรุณประไพก็มีแต่ความลังเลไม่แน่ใจในการตัดสินใจแต่งงานครั้งนี้ เพราะลึก ๆ อรุณประไพรู้ดีว่าการยอมแต่งงานครั้งนี้เป็นเพราะอรุณประไพต้องการหนีจากภุชงค์ที่ยังพยายามจะขอคืนดี หนีให้พ้นจากคำว่ามือที่สามที่จะไปทำลายครอบครัวของใคร ประกอบกับอรุณประไพรู้ถึงอาการป่วยของคุณหญิงภวัน อรุณประไพเห็นใจในความทุกข์ของคุณหญิงภวัน แม้จะรู้ว่าสิ่งที่คุณหญิงขอร้องคือการเอาชีวิตไปผูกมัดกับชายแปลกหน้าที่ไม่มีความรักต่อกัน แต่การถูกชายคนรักทรยศก็ทำให้อรุณประไพหมดศรัทธากับความรัก เมื่อไม่เชื่อมั่นในความรักและสถานการณ์ที่ชาวบ้านจับตามองจากคำใส่ร้ายของฝ่ายภรรยาภุชงค์ ผลักดันให้อรุณประไพตัดสินใจเลือกที่จะแต่งงาน แม้ยังไม่รู้ว่าข้างหน้าจะต้องพบเจอกับอะไรบ้างแต่อรุณประไพก็เลือกที่จะเดินหน้าต่อไป

แม้คงไคยจะทำเฉยชาไม่รับรู้เพื่อแสดงให้เห็นว่าต่อต้านการแต่งงานครั้งนี้ แต่งานแต่งก็มาถึงจนได้ คงไคยได้พบหน้ากับเจ้าสาวเป็นครั้งแรกในวันแต่งงาน คงไคยทึ่งในความสวยสง่าของเจ้าสาวยิ่งทำให้เขากังขาหนักขึ้นอีกว่าเหตุใด หญิงสาวที่ดูดีแบบไม่มีที่ติเช่นนี้จึงยอมลงเอยใช้ชีวิตคู่กับคนที่ไม่ได้รัก ยิ่งเมื่อคงไคยได้เห็นภุชงค์มาอวยพรหญิงสาวด้วยท่าทีอาลัยอาวรณ์ก็ยิ่งทำให้คงไคยแสดงอาการดูถูกอรุณประไพด้วยการเพิกเฉยและเย็นชาใส่เหมือนว่าเธอไม่มีตัวตนในโลกเพื่อให้สาสมกับที่อรุณประไพยอมขายวิญญาณมาแต่งงานอย่างไม่มีศักดิ์ศรีสักนิด


เมื่อเริ่มต้นชีวิตคู่กับคนแปลกหน้า คงไคยพบว่าอรุณประไพนั้นห่างไกลจากผู้หญิงในแบบของเขามากจนไม่อยากจะเชื่อว่าแม่แท้ ๆ ของเขาจะเป็นคนจัดหามาให้ ในสายตาของคนขี้เบื่ออย่างคงไคยนั้นเขารู้สึกว่าอรุณประไพแสนจะเรียบง่าย ไร้เสน่ห์ จืดชืด ไม่มีอะไรท้าทายและกระตุ้นอารมณ์ของเสือผู้หญิงอย่างเขาได้แม้แต่น้อย ด้วยเหตุนี้เขาจึงแยกห้องนอนออกไปและไม่คิดที่จะแตะต้องตัวเธอแม้แต่ปลายก้อย สร้างความโล่งใจให้อรุณประไพอย่างมาก แม้ลึก ๆ อรุณประไพจะเตรียมใจที่จะต้องยอมรับหน้าที่ในการเป็นภรรยาทางพฤตินัยก็ตาม ถึงจะต้องทนกับพฤติกรรมเย็นชาของคงไคยแต่อรุณประไพก็ยังดูแลความเรียบร้อยตลอดจนอาหารการกินให้กับทุกคนในบ้านอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ความละเอียดและเอาใจใส่ค่อย ๆ ซึมลึกกลายเป็นความคุ้นเคยในชีวิตของคงไคยทีละน้อยจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน

ปรุงฉัตรถูกคุณประกอบเรียกกลับจากเมืองนอกทันทีที่งานแต่งงานของคงไคยผ่านไป ปรุงฉัตรถูกคุณประกอบทำร้ายเป็นที่ระบายความโกรธที่ไม่สามารถรวบคงไคยไว้ได้ทำให้เสียโอกาสทางธุรกิจ แม้สังคมจะรับรู้ว่าปรุงฉัตรคือลูกสาวของคุณประกอบและคุณเนื้อทิพย์ แต่ภายในครอบครัวปรุงฉัตรเป็นเพียงลูกติดของภรรยาลับของคุณประกอบที่ถูกเลี้ยงดูอุ้มชูแบบตามมีตามเกิด และต้องคอยเป็นคนรับใช้ให้กับณรงค์ ลูกชายแท้ ๆ ของคุณประกอบและคุณเนื้อทิพย์ตั้งแต่เด็ก เมื่อโตเป็นวัยรุ่นก็ยังถูกณรงค์ปลุกปล้ำใช้เป็นที่ระบายความใคร่ ปรุงฉัตรพยายามเรียกร้องความเป็นธรรมแต่สิ่งที่ได้รับคือสภาพที่เหมือนทาสที่ไม่มีสิทธิ์เรียกร้องใด ๆ ทั้งสิ้นฃ

ความกดดันและความแค้นที่ถูกกดขี่ผลักดันให้ปรุงฉัตรพยายามสร้างความสำคัญให้ตัวเอง จนได้เป็นนางแบบที่ประสบความสำเร็จ ความเซ็กซี่ของปรุงฉัตรดึงดูดให้ได้มีโอกาสรู้จักกับคงไคย เมื่อคุณประกอบสั่งให้ปรุงฉัตรมัดใจคงไคยจะทำให้ปรุงฉัตรพ้นจากสภาพทาสในเรือนเบี้ยนี้สักที ยิ่งคงไคยมีคุณสมบัติที่เพียบพร้อมและแสดงออกว่าหลงใหลให้ความสำคัญในตัวปรุงฉัตรมาก ทำให้ปรุงฉัตรที่คิดที่จะแต่งงานกับคงไคยให้ได้

เมื่อคงไคยแต่งงานกับอรุณประไพทำให้ความหวังของปรุงฉัตรพังทลาย ทำให้เธอเจ็บแค้นที่คุณหญิงภวันจัดการเรื่องนี้ทั้งหมดเพื่อกีดกันไม่ให้เธอเข้าไปเป็นลูกสะใภ้ของบ้าน แต่เพราะคงไคยกลับมาสานสัมพันธ์เพื่อต้องการแสดงให้อรุณประไพเห็นว่าคงไคยไม่เห็นความสำคัญที่ต้องเกรงใจอรุณประไพ ทำให้ปรุงฉัตรมั่นใจว่าความร้อนแรงของตัวเองจะมัดใจคงไคยไว้ได้ และพยายามทำทุกทางเพื่อจะประกาศถึงความสำคัญของตัวเองที่มีต่อคงไคยให้อรุณประไพได้เห็น ไม่ว่าจะด้วยคำพูดหรือการกระทำที่หยามเย้ยให้รู้สึกว่าตำแหน่งเมียของอรุณประไพไม่ได้มีความหมายใด ๆ เลย และพยายามทำให้สังคมรับรู้ด้วยการกระจายรูปคู่แบบแนบชิดลงไปในอินเตอร์เน็ต คอยปั่นข่าวให้เกิดกระแสเพื่อบีบให้อรุณประไพอับอายและหย่าขาดจากคงไคย แต่อรุณประไพก็ยังไม่แสดงท่าทีว่าโกรธหรือใส่ใจคนทั้งคู่ด้วยซ้ำ ปรุงฉัตรกลับเป็นฝ่ายทนไม่ได้พยายามจะระรานอรุณประไพจนคุณหญิงภวันต้องคอยปกป้องโดยให้ แฉล้ม (พิสมัย วิไลศักดิ์) คนรับใช้เก่าแก่คอยรับหน้าเป็นปากเสียงแทนจนปรุงฉัตรต้องล่าถอยกลับไปทุกครั้งโดยที่อรุณประไพไม่เคยร้อนตามปรุงฉัตรเลยสักครั้งทำให้คงไคยคิดว่าผู้หญิงอย่างอรุณประไพมีแต่ความเย็นชาเป็นนางชีต่อผู้ชายทุกคนในโลก

แต่เมื่อภุชงค์ยังพยายามมาหาอรุณประไพ ความอ่อนหวานของอรุณประไพที่มีต่อภุชงค์ต่างจากความเย็นชาที่แสดงออกกับคงไคย ทำให้คงไคยที่ได้ชื่อว่าเป็นเพลย์บอยเจ้าเสน่ห์ไม่พอใจที่อรุณประไพไม่เคยให้ความสำคัญเหมือนคงไคยไม่มีตัวตน  คงไคยคิดจะเอาชนะอรุณประไพด้วยการทำให้อรุณประไพหลงรักให้จงได้ แต่อรุณประไพก็ไม่ได้สะทกสะท้านและให้ความสนใจแต่การทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอจัดระเบียบชีวิตให้กับคงไคยเพื่อแก้นิสัยไร้ระเบียบและมักง่ายของเขา คุณหญิงภวันรู้สึกดีใจที่เห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวลูกชายไปทีละน้อยชนิดที่แม้แต่คงไคยเองก็คงยังไม่ทันสังเกต เพราะคงไคยมัวแต่กำลังสนุกกับการท้าทายเล่นสงครามประสาทด้วยตั้งใจให้อรุณประไพติดบ่วงเสน่ห์ของตนเอง แต่ยิ่งตอแยก็เหมือนคงไคยวิ่งไล่ตามอรุณประไพด้วยความต้องการของตัวเองโดยไม่รู้ตัว มีเพียงคุณหญิงภวันและคุณทองถมที่เฝ้าจับตามองความเป็นไปอย่างพอใจ

ปรุงฉัตรประกาศทั้งทางตรงและทางอ้อมว่าตนเป็นเมียของคงไคยมาก่อน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีพิธีรีตรองรองรับ แต่แน่นอนว่า เธอเป็นเมียที่คงไคยรักและใช้ชีวิตอยู่ด้วย ในขณะเดียวกัน ปรุงแตรเริ่มหึงหวง ระรานกับผู้หญิงทุกคนที่มีความสัมพันธ์หรือเข้ามาติดต่อใกล้ชิดกับคงไคย ไม่เว้นแม้แต่ผู้หญิงที่เข้ามาทำงานกับคงไคย จนเกิดเรื่องตบตีกันในที่ทำงานของคงไคย จนคุณหญิงภวันต้องยื่นคำขาดให้คงไคยจัดการกับปัญหาทั้งหมด คงไคยเริ่มรู้สึกเหนื่อยและรำคาญกับปัญหาที่ปรุงฉัตรก่อขึ้น

ปรุงฉัตรสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของคงไคยที่เริ่มหายใจเข้าออกเป็นอรุณประไพ ปรุงฉัตรรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะสูญเสียคงไคยไป ปรุงฉัตรอยู่นิ่งไม่ไหวเดินหน้ารุกหนักขึ้นด้วยการเข้านอกออกในและวางตัวราวกับเป็นคุณผู้หญิงของบ้านโดยไม่สนใจสายตาตำหนิของคุณหญิงภวันสักนิด เมื่อคงไคยต้องเป็นตัวแทนบริษัทไปประชุมที่ญี่ปุ่น ปรุงฉัตรก็ขอตามไปอย่างไม่ลังเล คุณหญิงภวันรู้เรื่องเข้าก็เรียกคงไคยเข้ามาต่อว่า คงไคยเบื่อที่จะต้องปวดหัวกับปัญหารักสามเส้าจึงไปขอหย่ากับอรุณประไพให้สิ้นเรื่อง อรุณประไพยอมตกลงโดยดีแต่มีข้อแม้ว่าคงไคยจะต้องเป็นฝ่ายไปพูดกับคุณหญิงภวันเองซึ่งนั่นทำให้คงไคยรู้ว่าการหย่าคงไม่ง่ายอย่างที่คิด

ภุชงค์ย้ายเข้ามาทำงานที่กระทรวงจึงได้มาเยี่ยมอรุณประไพที่บ้านบ่อย ๆ ภุชงค์มาบอกข่าวเรื่องที่แยกกันอยู่กับภรรยาหลังจากเธอแท้งลูก และความแตกต่างระหว่างภุชงค์กับภรรยาทำให้ชีวิตคู่ของภุชงค์กำลังจะจบลงเร็ว ๆ นี้ ภุชงค์ขอโอกาสจากอรุณประไพอีกครั้ง คงไคยแค่เห็นว่าภุชงค์มางอนง้อก็เข้าใจว่าอรุณประไพคงเตรียมจะกลับไปหาคนรักเก่าหลังหย่าจากเขา เขานึกดูถูกอรุณประไพที่ยินดีลดตัวไปเป็นเมียเก็บของผู้ชายคนนั้นมากกว่าจะเป็นเมียแต่งของเขา คงไคยไปบอกเรื่องหย่ากับคุณหญิงภวันตามเงื่อนไขของอรุณประไพ คุณหญิงภวันยื่นคำขาดว่าถ้าจะหย่ากับอรุณประไพ คงไคยจะต้องยอมให้คุณหญิงภวันตัดทรัพย์สินส่วนของคงไคยจ่ายให้อรุณประไพไปเพื่อชดเชยการหย่าอย่างน้อยไม่ต่ำกว่าห้าล้านบาท คงไคยเป็นเดือดเป็นร้อนไม่อยากจะต้องจ่ายให้อรุณประไพสักแดง เพราะเขารู้ดีแก่ใจว่าอรุณประไพยังไม่เคยทำหน้าที่ตามพฤตินัยกับคงไคยเลยสักครั้ง

คุณหญิงภวันขีดเส้นตายให้คงไคยจัดการเรื่องหย่าให้เรียบร้อยด้วยตัวเองก่อนไปเรื่องธุรกิจที่ต่างจังหวัด เพราะถ้าให้คุณหญิงเป็นคนจัดการเองเธอจะให้คงไคยจ่ายค่าชดเชยให้อีกเป็นสองเท่า คงไคยรู้สึกเจ็บใจที่ต้องเป็นฝ่ายแพ้ขาดทุนให้กับอรุณประไพอย่างย่อยยับ คืนก่อนไปคงไคยจึงได้เข้าไปตักตวงสิ่งที่เขาควรจะได้จากอรุณประไพด้วยการทำให้เธอตกเป็นภรรยาของเขาอย่างสมบูรณ์ให้คุ้มค่ากับเงินที่เขาต้องสูญไป

ความหวานที่คงไคยได้ตักตวงจากอรุณประไพยังคอยตามรบกวนจิตใจของคงไคย แม้แต่ปรุงฉัตรที่แนบกายก็ยังดึงคงไคยจากความคิดถึงอรุณประไพไม่ได้ แม้คงไคยจะพยายามบอกตัวเองว่าอรุณประไพไม่มีคุณสมบัติที่สมควรเป็นภรรยาของคงไคยที่จะเชิดหน้าชูตาในสังคมเหมือนปรุงฉัตร และเป็นได้แค่นางก้นครัวแต่ความคิดของคงไคยก็ต้องเปลี่ยนไป เมื่อคงไคยได้พบกับอรุณประไพที่ตามมาเรื่องงาน ทำให้คงไคยได้รู้ว่าที่เข้าใจว่าอรุณประไพเป็นแค่แม่ครัวหรือคนใช้ประจำบ้านนั้นไม่ใช่เลย เพราะอรุณประไพมาร่วมงานเทศกาลอาหารนานาชาติในฐานะฟู้ด สไตลิสท์ของนิตยสารอาหารชั้นนำของประเทศ คงไคยได้เห็นบทบาทการทำงานของอรุณประไพและได้เห็นสายตาที่แสดงถึงความทึ่ง ได้ยินคำชื่นชมในความเก่งรอบด้านทั้งการงานและการเรือนโดยเฉพาะจากหนุ่ม ๆ ทำให้คงไคยเกิดอาการหึงขึ้นหน้าแสดงตัวเป็นสามีของอรุณประไพอย่างไม่สนใจสายตาจะกินเลือดกินเนื้อของปรุงฉัตรสักนิด คงไคยพยายามตามติดอรุณประไพคอยกันท่าไม่ให้ใครเข้าใกล้ ปรุงฉัตรรู้สึกสงสัยอาการกระวนกระวายของคงไคยที่จะออกไปตามลำพังตลอดเวลา ร้อนถึงคุณทองถมต้องคอยหาข้ออ้างและช่วยแยกปรุงฉัตรออกไป เพื่อให้คงไคยได้มีเวลาอยู่กับอรุณประไพ


วันอาทิตย์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2563

ประวัติความเป็นมา ของวงการละครไทย

ละครโทรทัศน์ไทย คือรูปแบบรายการโทรทัศน์ประเภทบันเทิงของไทย ละครโทรทัศน์ไทยเรื่องแรกคือ สุริยานีไม่ยอมแต่งงาน ออกอากาศทางช่อง 4 บางขุนพรหม

ละครโทรทัศน์ไทยมีเนื้อหาส่วนใหญ่เป็นเรื่องชนชั้นสูงในสังคมไทย ตัวละครมุ่งเน้นไปที่ฝ่ายดี ฝ่ายเลว สามารถเดาตอนจบของเรื่องได้ง่าย มักจะจบลงแบบสุขนาฏกรรม (happy ending) มีการนำมาทำซ้ำกันบ่อยครั้ง


ยุคบุกเบิก
หลังจากที่ประเทศไทยเปิดสถานีช่อง 4 บางขุนพรหม ซึ่งเป็นสถานีโทรทัศน์แห่งแรก หลังจากนั้น 2 เดือนจึงมีละครโทรทัศน์เรื่องแรก คือ เรื่อง สุริยานีไม่ยอมแต่งงาน ของนายรำคาญ (ประหยัด ศ. นาคะนาท) นำแสดงโดย หม่อมราชวงศ์ถนัดศรี สวัสดิวัตน์ โชติ สโมสร และ นวลละออ ทองเนื้อดี ออกอากาศเมื่อวันที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2499 ละครโทรทัศน์ในยุคนี้เป็นการแสดงสด ส่วนละครพูดที่แต่งขึ้นใหม่สำหรับแสดงทางโทรทัศน์โดยเฉพาะ เป็นละครสั้นจบในตอน เนื่องจากห้องส่ง (สตูดิโอ) มีขนาดเล็ก จึงจำเป็นต้องใช้ฉากจำกัด นอกจากนี้นักแสดงยังจำบทละครไม่ได้ จึงต้องมีการบอกบทขณะแสดงด้วย ในปีแรก ๆ มีละครโทรทัศน์เพียง 6 เรื่อง อีก 5 เรื่องได้แก่ กระสุนอาฆาต (ออกอากาศเมื่อวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2499) ,ดึกเสียแล้ว (ออกอากาศเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2499), น้ำสาบาน (ออกอากาศเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2499), ศัตรูลับของสลยา (ออกอากาศเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2499) และ ง่ายนิดเดียว (ออกอากาศเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2499)

เริ่มได้รับความนิยม
ละครโทรทัศน์เริ่มเฟื่องฟูราวปี พ.ศ. 2501 นักแสดงละครเวทีเริ่มหันมาเล่นละครโทรทัศน์มากขึ้น ช่อง 4 มีผู้นิยมชมกันมาก ส่วนสถานีโทรทัศน์กองทัพบก (ททบ.) ช่อง 7 หรือ ช่อง 5 ในปัจจุบันก็เริ่มบุกเบิกด้านละครโทรทัศน์มากขึ้น ส่วนใหญ่จะนำเรื่องละครเวทีมาทำใหม่ แต่ก็มีเรื่องที่แต่งสำหรับละครโทรทัศน์มากขึ้น ในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2505-2510 ทั้ง 2 สถานีแข่งขันผลิตละครดี ๆ มาออกอากาศจำนวนมาก แต่กิจการละครโทรทัศน์ก็เริ่มเสื่อมไปช่วงหนึ่ง เนื่องจากภาพยนตร์เรื่องยาวกลับมาได้รับความนิยม

ละครโทรทัศน์กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง เมื่อมีการใช้เทปบันทึกภาพแทนไทยทีวีสีช่อง 9 หรือช่อง 4 เดิม มีการจัดละครโทรทัศน์มากกว่าช่องอื่น ๆ ออกอากาศตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์ ในลักษณะละครน้ำเน่าของอเมริกาโดยละครเรื่อง ทัดดาวบุษยา เมื่อ พ.ศ. 2519 ได้รับความนิยมอย่างมาก หลังจากนั้นก็มีการผลิตละครแนวนี้มากขึ้น ต่อมาในช่วง พ.ศ. 2522 ช่อง 5 ได้ผลิตละครเรื่อง 38 ซอย 2 ซึ่งถือว่าเป็นละครสำหรับครอบครัวครั้งแรก มีคติธรรมในการดำเนินชีวิตครอบครัว

ในปี พ.ศ. 2523 คณะกรรมการบริหารวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ (กบว.) ได้มีคำสั่งให้งดออกอากาศในช่วงเวลา 18.30-20.00 น. เพื่อให้ประหยัดพลังงาน จึงทำให้ละครได้รับความนิยมลดลง พร้อมกันนั้นภาพยนตร์จีนก็เข้ามามีอิทธิพลมากขึ้น ตั้งแต่ พ.ศ. 2524 กบว. ได้ขอความร่วมมือกับสถานีโทรทัศน์ให้เสนอรายการของไทยแทนรายการต่างประเทศ ในช่วงเวลาหลังข่าว 20.00 น. จึงทำให้ละครไทยกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง จึงมีละครโทรทัศน์ในช่วงหลังข่าว 20.00 น. กันทุกช่อง ได้ดำเนินยุทธวิธีนี้มาจนปี พ.ศ. 2530 แต่บางช่องมีการเปลี่ยนแปลงยุทธวิธีการจัดรายการในช่วงหลังข่าวอยู่บ้าง

สำหรับละครแนวซิตคอม ไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าเริ่มเมื่อใด แต่มีการสันนิษฐานว่า ละครชุด นุสรา (พ.ศ. 2503) เป็นละครแนวซิตคอมเรื่องแรก ได้รับอิทธิพลจากละครของสหรัฐอเมริกาเรื่อง I Love Lucy ละครชุด นุสรา เป็นละครเบาสมองชุดสั้นจบในตอน มีความยาว ตอนละ 30 นาที มีผู้แสดงชุดเดียวกันตลอด แต่เรื่องที่ผลิตเรื่องที่สองไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด แต่มีรูปแบบละครรูปแบบนี้อีกหลายเรื่องเช่น ผู้พิทักษ์ความสะอาด, ยุทธ-จักรนักคิด, สาธรดอนเจดีย์, พิภพมัจจุราช, หุ่นไล่กา, บาปบริสุทธิ์ เป็นต้น อย่างไรก็ตามละครแนวซิตคอมเริ่มได้รับความนิยมในปี พ.ศ. 2536 เป็นต้นมา ส่วนใหญ่มีเนื้อหาเกี่ยวกับครอบครัว

เมื่อช่อง 3 เปิดสถานี มีละครเรื่องแรก ๆ ได้แก่ เขมรินทร์ – อินทิรา, แม่หญิง, สะใภ้จ้าว แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ช่อง 3 ได้เปิดละครสมัยใหม่อย่างจริงจังในปี พ.ศ. 2519 โดยมีภัทราวดี ศรีไตรรัตน์ (มีชูธน) เป็นผู้บุกเบิกจากละครแบบเก่าที่มีคนบอกบท เป็นนักแสดงท่องบทเอง ลักษณะละครใกล้เคียงกับละครสมัยใหม่อย่างต่างประเทศ ภัทราวดี นำบทประพันธ์ นำเรื่อง ไฟพ่าย ของกฤษณา อโศกสิน มาประเดิมเป็นเรื่องแรก แต่ไม่ประสบความสำเร็จ จึงเปลี่ยนมาเป็นละครที่คิดบทเอง เช่น ขบวนการคนใช้, ตุ๊กตาเสียกบาล, สงครามปราสาท, นานาจิตตัง, ประชาชนชาวแฟลต, ศรีธนนชัย, ละครชุด ความรัก, ปะการังสีดำ

เมื่อปี พ.ศ. 2524 สุรางค์ เปรมปรีดิ์ เข้ามาดูแลด้านการตลาด, ฝ่ายรายการและฝ่ายบุคคล ทางช่อง 7 และชวนหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล มาร่วมหุ้นเปิดบริษัทพร้อมมิตรภาพยนตร์ เพื่อผลิตละครโทรทัศน์และภาพยนตร์ ละครในยุคที่สุรางค์ เปรมปรีดิ์ หมายตาไว้ ไม่ใช่สูตรน้ำเน่าอย่างทุกวันนี้ มีผลงานเช่น หญิงก็มีหัวใจ, ห้องสีชมพู, เงือกน้อย, จดหมายจากเมืองไทย, ห้วงรักเหวลึก และ ข้าวนอกนา ละครชุดที่โด่งดังมากคือ หมอผี ต่อมาช่อง 7 ได้ดึงวาณิช จรุงกิจอนันต์ มาช่วยเขียนบทโทรทัศน์ในยุคแรก คณะละครช่อง 7 ยุคแรก ๆ ได้แก่ไพรัช สังวริบุตร, กันตนา

เข้าสู่ธุรกิจละครเต็มรูปแบบ
นับแต่ปี พ.ศ. 2530 เป็นต้นมา ถือเป็นยุคธุรกิจละครเต็มรูปแบบ มีการวัดความสำเร็จด้วยระบบเรตติ้ง ละครโทรทัศน์ช่อง 7 สีในยุคธุรกิจเต็ม ระหว่างปี พ.ศ. 2530 – 2545 เช่นเรื่อง นางทาส, เคหาสน์สีแดง, ปราสาทมืด, กิ่งไผ่, ริษยา, กนกลายโบตั๋น, สายโลหิต, ญาติกา, รัตนโกสินทร์, สองฝั่งคลอง, นิรมิต, เบญจรงค์ห้าสี, น้ำใสใจจริง

ละครโทรทัศน์ไทยในยุคปัจจุบันออกอากาศในหลายช่วงเวลาตลอดวัน รวมถึงในช่วงไพรม์ไทม์ (ช่วงเวลาที่ทางสถานีโทรทัศน์ให้ความสำคัญ) ในช่วงเวลาหลังข่าวภาคค่ำประมาณ 20.30 น.-22.30 น. ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์และผู้อำนวยการผลิตจะพิจารณานำโครงเรื่องหรือบทประพันธ์ที่มีความน่าสนใจเป็นพิเศษและเหมาะสมกับการผลิตรายการละครโทรทัศน์ รวมถึงคัดเลือกนักแสดงที่ดึงดูดความสนใจของผู้ชม

ในปี พ.ศ. 2557 หลังจากมีการออกอากาศโทรทัศน์ระบบดิจิทัลในประเทศไทย ช่อง 3 และช่อง 7 ซึ่งครองตลาดละคร เริ่มมีช่องอื่นหันมาทำละครโทรทัศน์ แนวละครของช่อง 8 ที่มุ่งเน้นตอบโจทย์คนดูในระดับฐานราก โดยเป็นแนวละครบ้าน ๆ สำหรับ ช่องวัน ที่มุ่งเน้นผลิตละคร เจาะกลุ่มคนดูทั่วไป ในขณะที่จีเอ็มเอ็ม แชนแนล มุ่งไปที่กลุ่มวัยรุ่น